สถานการณ์การผลิต การตลาด
และห่วงโซ่อุปทานมะพร้าวน้ำหอม

มะพร้าวน้ำหอม จัดเป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบมะพร้าวผลสด และ/หรือน้ำมะพร้าวแปรรูปของไทยก็ได้เปรียบคู่แข่งขันจากหลายประเทศ เนื่องจากเป็นมะพร้าวน้ำหอมที่มีความหอม และรสชาติดี ทำให้มีโอกาสทางการตลาดสูงเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ในแต่ละปีมีการส่งออกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าในช่วงโควิด-19 แต่การส่งออกมะพร้าวมีการขยายตัวในการส่งออกเพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าวเพื่อการเพิ่มมูลค่าสินค้า จุดแข็งของมะพร้าวน้ำหอมไทยอยู่ที่รสชาติและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดโลก ในปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับอาหารที่มาจากพืช มีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อร่างกาย จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันความต้องการมะพร้าวและผลิตภัณฑ์ทั่วโลก คาดว่าในปี 2570 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย (Compound Annual Growth Rate: CAGR) ช่วงระหว่างปี 2564-2570 ที่ 7.3 เปอร์เซ็นต์

สถานการณ์น้ำมะพร้าวโลก

น้ำมะพร้าว ถือเป็น “Fluid of Life” ซึ่งจะประกอบไปด้วยโปรตีน เอนไซม์กระตุ้นในการชะลอวัย เซลล์เจริญเติบโตอย่างมีสุขภาพดี และชดเชยการสูญเสียน้ำ (rehydration) ทำให้ตลาดน้ำมะพร้าวมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษ บราซิลเป็นประเทศส่งออกหลักของโลก ลำดับรองมาได้แก่ ฟิลิปปินส์ ไทย อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งแต่ละปีมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 150 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2565 ตลาดสหรัฐอเมริกามีการซื้อขายวงเงินมากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (17,520 ล้านบาท) โดยช่วงปี 2553-2565 มีการนำเข้ามากกว่า 530,000 ตัน (ภาพที่ 1) โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 27.1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนด้านผู้ผลิตอย่างประเทศฟิลิปปินส์ มีการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก ปี 2564 มีการส่งออก 48,736 เมตริกตัน และปี 2565 มีการส่งออก 123,928 เมตริกตัน (ภาพที่ 2) ประเทศบราซิล มีปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในปี 2565 มีปริมาณการส่งออก 183,936 เมตริกตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 175,525 ล้านเหรียญสหรัฐ (6,150,922 ล้านบาท) (ภาพที่ 3) และประเทศไทย มีแนวโน้มการส่งออก ที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยในปี 2565 มีปริมาณการส่งออก 55,098 ตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 52,988 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,856,858 ล้านบาท) (อัตราแลกเปลี่ยนจากดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นบาทไทย (THB) ค่าเฉลี่ย: 35.043 บาทในช่วง ปี 2565) (ภาพที่ 4) อย่างไรก็ตามในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปี 2564 มีผลกระทบทำให้ปริมาณการส่งออกลดลง 12 ล้านลิตร ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศผู้นำเข้าหลัก ลำดับต่อมาเป็น เยอรมัน แคนาดา สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย และเมกซิโก ราคาการส่งออก ในปี 2564 อยู่ระหว่าง 0.9-1.8 เหรียญสหรัฐ/ลิตร (33-66 บาท/ลิตร) (Jelfina, 2023)

ภาพที่ 1 ปริมาณการนำเข้าน้ำมะพร้าวของสหรัฐอเมริกา ปี 2553-2565

ภาพที่ 2 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกน้ำมะพร้าวของไทย ปี 2562-2565

สถานการณ์มะพร้าวน้ำหอมประเทศไทย

ในช่วงปี 2561-2565 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมเพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2566 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมทั้งหมด 264,759 ไร่ จังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด คือ จังหวัดราชบุรี มีพื้นที่ปลูก 86,966 ไร่ คิดเป็น 32.8 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมทั้งประเทศ รองลงมาได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรสงคราม (ตารางที่ 1) ซึ่งให้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ทั้งหมด 648,825,483 กิโลกรัม โดยจังหวัดราชบุรีมีผลผลิตมากที่สุด 349,207,689 กิโลกรัม คิดเป็น 53.8 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตมะพร้าวน้ำหอมทั้งประเทศ รองลงมา คือ จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม สมุทรสงคราม สงขลา และฉะเชิงเทรา (ตารางที่ 2) (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2566)

ตารางที่ 1 เนื้อที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมในประเทศไทยในช่วงปี 2561-2566

พื้นที่แปลง เนื้อที่ปลูก (ไร่)
2561 2562 2563 2564 2565 2566
ราชบุรี 46,608 53,952 66,782 67,071 92,446 86,966
สมุทรสาคร 22,294 24,102 26,324 45,403 44,887 42,588
นครปฐม 5,285 6,491 10,650 11,957 17,289 16,804
ประจวบคีรีขันธ์ 8,467 8,896 9,364 9,660 10,647 11,628
สมุทรสงคราม 8,198 10,407 12,419 11,004 11,079 11,610
ฉะเชิงเทรา 12,390 12,419 13,782 12,661 13,048 11,421
สงขลา 5,523 9,832 11,469 11,023 10,690 11,305
นครศรีธรรมราช 0 0 9,867 8,537 9,206 9,709
เพชรบุรี 0 0 0 0 5,313 5,772
ชลบุรี 12,756 11,848 12,042 11,280 5,719 5,611
รวมทั้งหมด 150,620 175,436 219,642 235,889 269,068 264,759

ตารางที่ 2 ปริมาณผลผลิตมะพร้าวน้ำหอมในประเทศไทยในช่วงปี 2561-2566

พื้นที่แปลง ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ (กิโลกรัม)
2561 2562 2563 2564 2565 2566
ราชบุรี 263,735,010 149,101,158 186,105,546 235,896,677 323,477,493 349,207,689
สมุทรสาคร 47,821,000 59,564,577 78,804,708 87,208,193 88,702,777 86,494,208
นครปฐม 12,799,054 12,669,796 11,724,370 11,699,802 24,124,199 46,770,962
สมุทรสงคราม 12,507,867 15,939,628 25,746,886 34,650,021 34,747,928 34,625,611
สงขลา 5,000,950 19,834,424 32,549,187 37,459,284 41,170,354 30,180,178
ฉะเชิงเทรา 15,415,411 23,442,569 20,392,704 35,826,426 34,274,211 18,727,869
ชลบุรี 2,713,631 1,674,670 17,963,975 13,071,468 13,160,419 18,108,368
นครศรีธรรมราช 0 0 17,679,839 20,632,610 20,934,695 10,049,082
ประจวบคีรีขันธ์ 5,727,207 6,528,236 8,025,370 9,325,437 8,438,508 9,895,672
 เพชรบุรี 0 0 0 0 11,812,317 6,750,238
รวมทั้งหมด 414,041,337 324,546,522 433,750,014 532,941,984 647,528,670 648,825,483

ตลาดมะพร้าวน้ำหอมของไทยมีทั้งตลาดภายใน และตลาดต่างประเทศ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นตลาดต่างประเทศอยู่ในอันดับ 4 ของไม้ผลส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด (ช่วงปี 2561-2565) ซึ่งอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 2565 มีการส่งออกมะพร้าวน้ำหอม (มะพร้าวอ่อน+มะพร้าวอินทรีย์) ทั้งหมดปริมาณ 416,885 ตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 9,610.11 ล้านบาท (ตารางที่ 3) (กรมศุลกากร, 2565)

ตารางที่ 3 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกมะพร้าวน้ำหอมของไทย ปี 2561-2565

ปี มะพร้าวอ่อน มะพร้าวอ่อนอินทรีย์ รวม
ปริมาณ (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท) ปริมาณ (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท) ปริมาณ (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท)
2561 96,872 2,528.18 821 28.36 97,693 2,556.54
2562 129,205 2,827.79 2,150 56.34 131,355 2,884.12
2563 149,979 3,332.99 2,851 61.31 152,831 3,394.30
2564 257,216 6,113.87 3,670 86.16 260,885 6,200.03
2565 414,309 9,546.64 2,576 63.47 416,885 9,610.11
GR (%) 43.26 40.89 32.60 22.58 43.16 40.69

ตลาดสินค้ามะพร้าวอ่อนของจีน

ประเทศจีนมีมะพร้าวมากกว่า 10 สายพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ต้นสูงของท้องถิ่น ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ ได้พันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับอนุมัติในระดับชาติจีน คือ สายพันธุ์ Wenye Series (พันธุ์ต้นเตี้ย) ได้แก่ Wenye 78F1, Wenye 2, Wenye 3, Wenye 4, Wenye 5 และ Wenye 6 และพันธุ์ต้นสูง (สายพันธุ์ Lvgao และ Zhaidizai) ทั้งนี้เพื่อตอบสนองการบริโภคในท้องถิ่น มณฑลไห่หนาน ได้ส่งเสริมให้มีการปลูกพันธุ์ Wenye 2, Wenye 3 (Golden coconut) และ Wenye 4 ข้อดีของมะพร้าวดังกล่าว คือ ต้นเตี้ย ให้ผลผลิตเร็ว (หลังปลูก 3-4 ปี) ผลผลิตสูง ในปี 2565 มณฑลไห่หนานมีพื้นที่ เก็บเกี่ยวมะพร้าวประมาณ 173,916 ไร่ เนื่องจากผลกระทบของสภาพภูมิอากาศแห้งแล้ง และปริมาณน้ำฝนลดลงทำให้มีพื้นที่ปลูกลดลง ตลอดจนพื้นที่ปลูกมีจำกัด พันธุ์และต้นกล้าไม่เพียงพอทำให้ไม่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตได้ ด้วยกระแสการรักสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น สนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวกำลังเป็นคลื่นลูกใหม่ในตลาดจีน ปัจจุบันมีเครื่องดื่มจากมะพร้าวรูปแบบใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ได้มีการพัฒนาให้หลากหลายผ่านนวัตกรรมแบบผสมผสาน ซึ่งไม่ได้มีเพียงเฉพาะเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับใช้กับขนมและอาหารของจีนได้ ทำให้ตลาดมะพร้าวในจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยความนิยมจะเน้นที่ความสดใหม่ ปลอดสารพิษ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และสร้างสรรค์ความแปลกใหม่

สินค้าประเภทมะพร้าวที่ประเทศจีนนำเข้าเป็นมูลค่าสูง ได้แก่ มะพร้าวปอกเปลือก น้ำมันมะพร้าว และเครื่องดื่มมะพร้าว โดยในปี 2565 มะพร้าวผลปอกเปลือกเป็นสินค้าที่นำเข้าเป็นปริมาณมากที่สุด 1,070,857 ตัน มูลค่าสูงที่สุด 571 ล้านเหรียญสหรัฐ (20,009 ล้านบาท) รองลงมาคือ น้ำมันมะพร้าว ปริมาณนำเข้า 215,171 ตัน มูลค่านำเข้าประมาณ 409 ล้านเหรียญสหรัฐ (14,333 ล้านบาท) และเครื่องดื่มมะพร้าว ปริมาณนำเข้า 86,684 ตัน มูลค่าประมาณ 124 ล้านเหรียญสหรัฐ (4,345 ล้านบาท) ตามลำดับ (อัตราแลกเปลี่ยนจากดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นบาทไทย (THB) ค่าเฉลี่ย: 35.043 บาท ในช่วง ปี 2565) (ตารางที่ 5) (ฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้, 2565)

ตารางที่ 5 รายการสินค้าประเภทมะพร้าวที่ประเทศจีนนำเข้าในช่วงปี 2564-2565

รายการสินค้า ปริมาณ (ตัน) ปริมาณ มูลค่า (ล้าน USD) มูลค่า
2564 2565 % 2564 2565 %
มะพร้าวผลปอกเปลือก 871,984 1,070,857 23 451.79 571.34 2
น้ำมันมะพร้าว 170,413 215,171 26 275.86 409.42 4
เครื่องดื่มมะพร้าว 76,872 86,684 13 118.27 124.83 6
กากมะพร้าว หรือ เนื้อมะพร้าวแห้ง 64,190 184,564 188 16.25 52.27 222
มะพร้าวฝอยอบแห้ง 19,794 24,359 23 36.12 30.74 -15
น้ำมันมะพร้าวดิบ 3,646 3,796 4 8.21 8.64 5
ผลิตภัณฑ์มะพร้าวอื่นๆ 346 226 -35 0.39 0.17 -57
เนื้อมะพร้าวแห้ง 50 0.01 -100% 0.05 0.0003 -99

ตารางที่ 6 ตารางแสดงปริมาณและมูลค่าการนำเข้ามะพร้าวผลปอกเปลือกของประเทศจีน ปี 2564-2565

ประเทศ ปริมารการนำเข้า (ตัน) มูลค่าการนำเข้า (ล้าน USD) สัดส่วนมูลค่านำเข้า
(%)
2564 2565 2564 2565
โลก 871,984 1,070,836 452 571 100
ไทย 333,933 522,556 284 416 72.90
อินโดนีเซีย 381,457 322,388 117 93 16.20
เวียดนาม 131,491 221,317 42 61 10.60
ฟิลิปปินส์ 24,982 4,282 9 1 0.30
มาเลเซีย 121 293 0.11 0.31 0.10

มะพร้าวน้ำหอมไม่ใช่ผลไม้ตามฤดูกาล สามารถหาซื้อได้ตลอดทั้งปี ประเทศจีนจึงมีช่วงที่นำเข้ามะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวน้ำหอม ในรูปมะพร้าวผลปอกเปลือกในปริมาณมากอยู่ 3 ช่วง (ตารางที่ 7) รายละเอียด ดังนี้

  1. ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน
    เนื่องจากในช่วงนี้ประเทศจีนยังไม่ค่อยมีผลไม้ออกสู่ตลาด ความหลากหลายของผลไม้ในท้องถิ่นค่อนข้างน้อย และเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในช่วงเดือนมีนาคม และเมษายน ปี 2565 มีปริมาณนำเข้า 40,968 และ 51,442 ตัน ตามลำดับ
  2. ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน
    เป็นช่วงประเทศจีนมีอากาศร้อนจัด คนจีนนิยมหาซื้อผลไม้ที่หวานฉ่ำ สดชื่น ทำให้ช่วงนี้เริ่มมีการนำเข้ามะพร้าวอ่อนเพิ่มขึ้น โดยในช่วงเดือนสิงหาคม และกันยายน ปี 2565 มีปริมาณนำเข้า 49,738 และ 57,592 ตัน ตามลำดับ
  3. ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
    เนื่องจากประเทศจีนเข้าสู่ฤดูหนาว ภาคเหนือของจีนเริ่มมีอากาศหนาวจัด แต่ภายในอาคารเกือบทุกแห่งเปิดฮีทเตอร์ ทำให้อากาศร้อนและแห้ง ชาวจีนทางตอนเหนือจึงนิยมรับประทานไอศครีมหรือเครื่องดื่มเพื่อแก้กระหาย ซึ่งมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ มีจุดเด่นที่เป็นผลผลิตจากธรรมชาติสะอาดปลอดภัย จึงสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม ปี 2565 มีปริมาณนำเข้า 50,357 และ 44,571 ตัน ตามลำดับ

ตารางที่ 7 ตารางแสดงปริมาณการนำเข้ามะพร้าวอ่อนจากไทยของประเทศจีน ปี 2563-2565 (แยกรายเดือน)

ปริมาณนำเข้า (ตัน) ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ปี 2563 8,982 8,185 14,896 14,230 6,498 9,669 23,381 32,134 37,589 30,532 26,991 32,574
ปี 2564 21,328 19,197 29,593 30,603 20,519 13,417 20,406 32,830 38,825 28,322 38,654 40,025
ปี 2565 51,512 33,473 40,968 51,442 35,190 27,554 35,091 49,738 57,592 45,093 50,357 44,571

รูปแบบปริมาณการนำเข้ามะพร้าวไทยของประเทศจีนในแต่ละปีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ซึ่งการขนส่งมะพร้าวไทยส่วนใหญ่เป็นการขนส่งทางทะเลจากท่าเรือแหลมฉบังมายังท่าเรือที่สำคัญในประเทศจีน มีระยะเวลาขนส่ง 7-15 วัน ปกติแล้วมะพร้าวสามารถเก็บได้ประมาณ 15-60 วัน ในอุณหภูมิ 2-4 องศาเซลเซียส แต่จากข้อมูลผู้ประกอบการในนครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า มะพร้าวสามารถเก็บได้ 15-30 วัน โดยที่ระยะเวลาการเก็บ 15 วัน จะเป็นช่วงที่มะพร้าวมีรสชาติคงสภาพอร่อย แต่หากเกิน 30 วัน คุณภาพลดลงและมีรสชาติเปลี่ยนไป

สำหรับสินค้าเครื่องดื่มมะพร้าวที่มีจำหน่ายในประเทศจีนส่วนใหญ่ มี 3 ประเภท ได้แก่ น้ำมะพร้าวสด น้ำนมมะพร้าว และกะทิ ปี 2565 ประเทศจีนนำเข้าสินค้าเครื่องดื่มมะพร้าวจากประเทศอินโดนีเซียมูลค่ามากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 44.2 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการนำเข้าเครื่องดื่มมะพร้าว รองลงมา คือ เวียดนาม สัดส่วน 41.6 เปอร์เซ็นต์ สำหรับด้านปริมาณนำเข้า ประเทศจีนนำเข้าจากเวียดนาม เป็นอันดับหนึ่ง (ปริมาณ 45,775 ตัน) รองลงมาจากอินโดนีเซีย (ปริมาณ 31,182 ตัน) และจีนนำเข้าเครื่องดื่มมะพร้าวจากไทย เป็นอันดับที่ 3 ทั้งเชิงปริมาณและมูลค่า โดยมีสัดส่วนมูลค่าอยู่ที่10.5 เปอร์เซ็นต์ (ตารางที่ 8)

ตารางที่ 8 ตารางแสดงปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเครื่องดื่มมะพร้าวของประเทศจีน ปี 2564-2565

ประเทศ ปริมาณการนำเข้า (ตัน) มูลค่าการนำเข้า (ล้าน USD) สัดส่วน
มูลค่านำเข้า (%)
2564 2565 2564 2565
โลก 76,872 86,684 118.27 124.83 100
อินโดนีเซีย 28,040 31,182 47.98 55.16 44.20
เวียดนาม 38,036 45,775 50.73 51.89 41.60
ไทย 7,024 7,064 13.24 13.11 10.50
มาเลเซีย 3,518 2,198 5.79 3.69 3
ฟิลิปปินส์ 245 433 0.51 0.92 0.70
อื่นๆ 9 31 0.03 0.06 0.05

ห่วงโซ่อุปทานมะพร้าวน้ำหอม

ปัจจุบันความต้องการมะพร้าวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวน้ำหอมเพิ่มสูงขึ้นทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตมะพร้าวที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการต่อผู้บริโภค รวมทั้งเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้ ดังนั้นการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อวิเคราะห์โอกาสทางการค้าและการลงทุน จึงจำเป็นต้องศึกษาถึงห่วงโซ่อุปทานของสินค้าเกษตรชนิดนั้น หฤทัย (2562) ได้กล่าวถึง ห่วงโซ่อุปทานมะพร้าวน้ำหอม ว่าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับในแนวดิ่ง ได้แก่ ระดับต้นน้ำ (upstream) ระดับกลางน้ำ (midstream) และระดับปลายน้ำ (downstream) รายละเอียด ดังนี้

  • ระดับต้นน้ำ ผู้เกี่ยวข้องระดับต้นน้ำที่สำคัญที่สุด คือ เกษตรกรชาวสวนมะพร้าว ซึ่งเป็นห่วงโซ่อุปทานสำคัญที่สุด เป็นจุดเริ่มต้นของผลผลิตเพื่อไปสู่ผู้บริโภคขั้นท้ายสุด โดยผ่านกลไกตลาด โดยเกษตรกรนำผลผลิตซื้อขายในตลาดโดยตรง และผ่านพันธสัญญากับ ล้งพ่อค้าคนกลาง และผู้ซื้อในตลาดกลางน้ำ ซึ่งเป็นพ่อค้าขายส่ง พ่อค้าส่งออก หรือโรงงานแปรรูปมะพร้าว รูปแบบการซื้อขายผลผลิตมะพร้าวน้ำหอมของเกษตรกร มี 5 รูปแบบ คือ เกษตรกรอิสระ เกษตรกรในพันธสัญญาผูกพัน (contract farming) เกษตรกรรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน บริษัท และ/หรือโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าวเป็นเจ้าของสวนมะพร้าวของตนเอง และล้งมะพร้าวเป็นเจ้าของสวนเอง
  • ระดับกลางน้ำ ผู้เกี่ยวข้องระดับกลางน้ำ คือ ผู้รวบรวมผลผลิต รับซื้อจากเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ หรือใช้ในการแปรรูปหรือผลิตเป็นสินค้า ซึ่งได้แก่ โรงงานแปรรูป ล้งพ่อค้าคนกลาง วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรอิสระผู้ขายและส่งออกเอง
  • ระดับปลายน้ำ ในระดับปลายน้ำ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผลผลิตที่สำคัญ คือ พ่อค้าขายปลีก พ่อค้าขายส่ง และผู้ส่งออก โดยผ่านตลาดภายในประเทศ เพื่อส่งต่อมะพร้าวทั้งสด และในรูปผลิตภัณฑ์แปรรูปแล้วไปยังผู้บริโภค

ปัญหาที่มักพบมากในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยราวเดือน เมษายน-พฤษภาคม ทำให้ผลผลิตขาดตลาด และมีราคาสูงขึ้นกว่าช่วงปกติมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเกิดผลแตกพบได้ 2 ลักษณะ คือผลเกิดการแตกตั้งแต่ระหว่างกระบวนการพัฒนาผล และการแตกระหว่างกระบวนการตัดแต่งปอกเจียนทำให้ผลผลิตเกิดการสูญเสียเป็นจำนวนมาก การเกิดสีน้ำตาลที่ผิวผล และปัญหากลิ่นผิดปกติระหว่างการเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ปัญหาและอุปสรรคหลักของกลุ่มเกษตรกรในการทำ สวนมะพร้าว คือ ต้นมะพร้าวส่วนใหญ่ของพื้นที่เพาะปลูกในประเทศไทย เป็นต้นมะพร้าวที่มีอายุมาก ขาดแคลนมะพร้าวพันธุ์ดีมีคุณภาพ เกษตรกรบางส่วนจึงหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นทดแทน และปัญหาการระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าว เช่น แมลงดำหนามมะพร้าว หนอนหัวดำมะพร้าว ด้วงแรดมะพร้าว และด้วงงวงมะพร้าว เป็นต้น รวมไปถึงปัญหาสภาพภูมิอากาศไม่เอื้อต่อการติดดอกออกผลในบางปีทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ปัญหาเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคในการส่งออกมะพร้าวน้ำหอมไปยังต่างประเทศ ถึงแม้ว่ามะพร้าวน้ำหอมจะคงมีปัญหาบางส่วนในระบบการผลิต หากมีพันธุ์ดี และการจัดการที่เหมาะสมแล้ว ก็จะสามารถพัฒนากระบวนการผลิตของมะพร้าวน้ำหอมไทยให้มีคุณภาพ และส่งออกผลผลิตคุณภาพไปยังต่างประเทศได้ (คณะทำงานจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, 2564) (ภาพที่ 6)

ต้นน้ำ เกษตรกร

  • ผลผลิตลดลงจากการระบาดของแมลงศัตรูพืชต้นอายุมาก
  • การควบคุมคุณภาพผลผลิต
  • ผลผลิตไม่คงที่ขึ้นกับฤดูกาล
  • การนำเข้าผลผลิตจากประเทศใกล้เคียง

กลางน้ำ ผู้รวบรวมและส่งออก

  • การแปรรูประดับวิสาหกิจชุมชนมีน้อย
  • ผู้ประกอบการแปรรูปเป็นสัดส่วนสูงในตลาด
  • ล้งจากจีนมีส่วนกำหนดราคา

ปลายน้ำ ผู้บริโภค

  • ความต้องการคุณภาพที่สม่ำเสมอ ผ่านมาตรฐาน

ภาพที่ 6 ห่วงโซ่อุปทานมะพร้าว

ผลผลิตที่ส่งออกควรผลิตเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละรายประเทศ อาทิผู้บริโภคในสหภาพยุโรปนิยมมะพร้าวน้ำหอม ที่มีเนื้อชั้นครึ่งด้านหน้าเป็นวุ้น รสหวาน สามารถช้อนเนื้อเพื่อรับประทานได้ ชาวจีนที่เมืองเซินเจิ้นและนครเซี่ยงไฮ้ของสาธารณรัฐประชาชนจีนมีกำลังซื้อค่อนข้างมากและมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ชอบลิ้มลองยินดีจับจ่ายสินค้านำเข้า ตลอดจนสินค้าระดับพรีเมี่ยม เป็นต้น โดยผลผลิตส่งออกไปทางเรือมากที่สุดประมาณ 75-80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผลผลิตที่มีอายุสั้นและมูลค่าสูงจะถูกส่งทางอากาศ ประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์