


สถานการณ์การผลิต การตลาด และห่วงโซ่อุปทานมะพร้าวน้ำหอม
มะพร้าวน้ำหอม จัดเป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบมะพร้าวผลสด และ/หรือน้ำมะพร้าวแปรรูปของไทยก็ได้เปรียบคู่แข่งขันจากหลายประเทศ เนื่องจากเป็นมะพร้าวน้ำหอมที่มีความหอม และรสชาติดี ทำให้มีโอกาสทางการตลาดสูงเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ในแต่ละปีมีการส่งออกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าในช่วงโควิด-19 แต่การส่งออกมะพร้าวมีการขยายตัวในการส่งออกเพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าวเพื่อการเพิ่มมูลค่าสินค้า จุดแข็งของมะพร้าวน้ำหอมไทยอยู่ที่รสชาติและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดโลก ในปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับอาหารที่มาจากพืช มีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อร่างกาย จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันความต้องการมะพร้าวและผลิตภัณฑ์ทั่วโลก คาดว่าในปี 2570 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย (Compound Annual Growth Rate: CAGR) ช่วงระหว่างปี 2564-2570 ที่ 7.3 เปอร์เซ็นต์
สถานการณ์น้ำมะพร้าวโลก
น้ำมะพร้าว ถือเป็น “Fluid of Life” ซึ่งจะประกอบไปด้วยโปรตีน เอนไซม์กระตุ้นในการชะลอวัย เซลล์เจริญเติบโตอย่างมีสุขภาพดี และชดเชยการสูญเสียน้ำ (rehydration) ทำให้ตลาดน้ำมะพร้าวมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษ บราซิลเป็นประเทศส่งออกหลักของโลก ลำดับรองมาได้แก่ ฟิลิปปินส์ ไทย อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งแต่ละปีมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 150 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2565 ตลาดสหรัฐอเมริกามีการซื้อขายวงเงินมากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (17,520 ล้านบาท) โดยช่วงปี 2553-2565 มีการนำเข้ามากกว่า 530,000 ตัน (ภาพที่ 1) โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 27.1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนด้านผู้ผลิตอย่างประเทศฟิลิปปินส์ มีการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก ปี 2564 มีการส่งออก 48,736 เมตริกตัน และปี 2565 มีการส่งออก 123,928 เมตริกตัน (ภาพที่ 2) ประเทศบราซิล มีปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในปี 2565 มีปริมาณการส่งออก 183,936 เมตริกตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 175,525 ล้านเหรียญสหรัฐ (6,150,922 ล้านบาท) (ภาพที่ 3) และประเทศไทย มีแนวโน้มการส่งออก ที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยในปี 2565 มีปริมาณการส่งออก 55,098 ตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 52,988 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,856,858 ล้านบาท) (อัตราแลกเปลี่ยนจากดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นบาทไทย (THB) ค่าเฉลี่ย: 35.043 บาทในช่วง ปี 2565) (ภาพที่ 4) อย่างไรก็ตามในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปี 2564 มีผลกระทบทำให้ปริมาณการส่งออกลดลง 12 ล้านลิตร ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศผู้นำเข้าหลัก ลำดับต่อมาเป็น เยอรมัน แคนาดา สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย และเมกซิโก ราคาการส่งออก ในปี 2564 อยู่ระหว่าง 0.9-1.8 เหรียญสหรัฐ/ลิตร (33-66 บาท/ลิตร) (Jelfina, 2023)
ภาพที่ 1 ปริมาณการนำเข้าน้ำมะพร้าวของสหรัฐอเมริกา ปี 2553-2565
ภาพที่ 2 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกน้ำมะพร้าวของไทย ปี 2562-2565
สถานการณ์มะพร้าวน้ำหอมประเทศไทย
ในช่วงปี 2561-2565 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมเพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2566 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมทั้งหมด 264,759 ไร่ จังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด คือ จังหวัดราชบุรี มีพื้นที่ปลูก 86,966 ไร่ คิดเป็น 32.8 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมทั้งประเทศ รองลงมาได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรสงคราม (ตารางที่ 1) ซึ่งให้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ทั้งหมด 648,825,483 กิโลกรัม โดยจังหวัดราชบุรีมีผลผลิตมากที่สุด 349,207,689 กิโลกรัม คิดเป็น 53.8 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตมะพร้าวน้ำหอมทั้งประเทศ รองลงมา คือ จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม สมุทรสงคราม สงขลา และฉะเชิงเทรา (ตารางที่ 2) (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2566)
ตารางที่ 1 เนื้อที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมในประเทศไทยในช่วงปี 2561-2566
พื้นที่แปลง | เนื้อที่ปลูก (ไร่) | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
2561 | 2562 | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 | |
ราชบุรี | 46,608 | 53,952 | 66,782 | 67,071 | 92,446 | 86,966 |
สมุทรสาคร | 22,294 | 24,102 | 26,324 | 45,403 | 44,887 | 42,588 |
นครปฐม | 5,285 | 6,491 | 10,650 | 11,957 | 17,289 | 16,804 |
ประจวบคีรีขันธ์ | 8,467 | 8,896 | 9,364 | 9,660 | 10,647 | 11,628 |
สมุทรสงคราม | 8,198 | 10,407 | 12,419 | 11,004 | 11,079 | 11,610 |
ฉะเชิงเทรา | 12,390 | 12,419 | 13,782 | 12,661 | 13,048 | 11,421 |
สงขลา | 5,523 | 9,832 | 11,469 | 11,023 | 10,690 | 11,305 |
นครศรีธรรมราช | 0 | 0 | 9,867 | 8,537 | 9,206 | 9,709 |
เพชรบุรี | 0 | 0 | 0 | 0 | 5,313 | 5,772 |
ชลบุรี | 12,756 | 11,848 | 12,042 | 11,280 | 5,719 | 5,611 |
รวมทั้งหมด | 150,620 | 175,436 | 219,642 | 235,889 | 269,068 | 264,759 |
ตารางที่ 2 ปริมาณผลผลิตมะพร้าวน้ำหอมในประเทศไทยในช่วงปี 2561-2566
พื้นที่แปลง | ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ (กิโลกรัม) | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
2561 | 2562 | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 | |
ราชบุรี | 263,735,010 | 149,101,158 | 186,105,546 | 235,896,677 | 323,477,493 | 349,207,689 |
สมุทรสาคร | 47,821,000 | 59,564,577 | 78,804,708 | 87,208,193 | 88,702,777 | 86,494,208 |
นครปฐม | 12,799,054 | 12,669,796 | 11,724,370 | 11,699,802 | 24,124,199 | 46,770,962 |
สมุทรสงคราม | 12,507,867 | 15,939,628 | 25,746,886 | 34,650,021 | 34,747,928 | 34,625,611 |
สงขลา | 5,000,950 | 19,834,424 | 32,549,187 | 37,459,284 | 41,170,354 | 30,180,178 |
ฉะเชิงเทรา | 15,415,411 | 23,442,569 | 20,392,704 | 35,826,426 | 34,274,211 | 18,727,869 |
ชลบุรี | 2,713,631 | 1,674,670 | 17,963,975 | 13,071,468 | 13,160,419 | 18,108,368 |
นครศรีธรรมราช | 0 | 0 | 17,679,839 | 20,632,610 | 20,934,695 | 10,049,082 |
ประจวบคีรีขันธ์ | 5,727,207 | 6,528,236 | 8,025,370 | 9,325,437 | 8,438,508 | 9,895,672 |
เพชรบุรี | 0 | 0 | 0 | 0 | 11,812,317 | 6,750,238 |
รวมทั้งหมด | 414,041,337 | 324,546,522 | 433,750,014 | 532,941,984 | 647,528,670 | 648,825,483 |
ตลาดมะพร้าวน้ำหอมของไทยมีทั้งตลาดภายใน และตลาดต่างประเทศ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นตลาดต่างประเทศอยู่ในอันดับ 4 ของไม้ผลส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด (ช่วงปี 2561-2565) ซึ่งอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 2565 มีการส่งออกมะพร้าวน้ำหอม (มะพร้าวอ่อน+มะพร้าวอินทรีย์) ทั้งหมดปริมาณ 416,885 ตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 9,610.11 ล้านบาท (ตารางที่ 3) (กรมศุลกากร, 2565)
ตารางที่ 3 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกมะพร้าวน้ำหอมของไทย ปี 2561-2565
ปี | มะพร้าวอ่อน | มะพร้าวอ่อนอินทรีย์ | รวม | |||
---|---|---|---|---|---|---|
ปริมาณ (ตัน) | มูลค่า (ล้านบาท) | ปริมาณ (ตัน) | มูลค่า (ล้านบาท) | ปริมาณ (ตัน) | มูลค่า (ล้านบาท) | |
2561 | 96,872 | 2,528.18 | 821 | 28.36 | 97,693 | 2,556.54 |
2562 | 129,205 | 2,827.79 | 2,150 | 56.34 | 131,355 | 2,884.12 |
2563 | 149,979 | 3,332.99 | 2,851 | 61.31 | 152,831 | 3,394.30 |
2564 | 257,216 | 6,113.87 | 3,670 | 86.16 | 260,885 | 6,200.03 |
2565 | 414,309 | 9,546.64 | 2,576 | 63.47 | 416,885 | 9,610.11 |
GR (%) | 43.26 | 40.89 | 32.60 | 22.58 | 43.16 | 40.69 |
ตลาดสินค้ามะพร้าวอ่อนของจีน
ประเทศจีนมีมะพร้าวมากกว่า 10 สายพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ต้นสูงของท้องถิ่น ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ ได้พันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับอนุมัติในระดับชาติจีน คือ สายพันธุ์ Wenye Series (พันธุ์ต้นเตี้ย) ได้แก่ Wenye 78F1, Wenye 2, Wenye 3, Wenye 4, Wenye 5 และ Wenye 6 และพันธุ์ต้นสูง (สายพันธุ์ Lvgao และ Zhaidizai) ทั้งนี้เพื่อตอบสนองการบริโภคในท้องถิ่น มณฑลไห่หนาน ได้ส่งเสริมให้มีการปลูกพันธุ์ Wenye 2, Wenye 3 (Golden coconut) และ Wenye 4 ข้อดีของมะพร้าวดังกล่าว คือ ต้นเตี้ย ให้ผลผลิตเร็ว (หลังปลูก 3-4 ปี) ผลผลิตสูง ในปี 2565 มณฑลไห่หนานมีพื้นที่ เก็บเกี่ยวมะพร้าวประมาณ 173,916 ไร่ เนื่องจากผลกระทบของสภาพภูมิอากาศแห้งแล้ง และปริมาณน้ำฝนลดลงทำให้มีพื้นที่ปลูกลดลง ตลอดจนพื้นที่ปลูกมีจำกัด พันธุ์และต้นกล้าไม่เพียงพอทำให้ไม่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตได้ ด้วยกระแสการรักสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น สนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวกำลังเป็นคลื่นลูกใหม่ในตลาดจีน ปัจจุบันมีเครื่องดื่มจากมะพร้าวรูปแบบใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ได้มีการพัฒนาให้หลากหลายผ่านนวัตกรรมแบบผสมผสาน ซึ่งไม่ได้มีเพียงเฉพาะเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับใช้กับขนมและอาหารของจีนได้ ทำให้ตลาดมะพร้าวในจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยความนิยมจะเน้นที่ความสดใหม่ ปลอดสารพิษ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และสร้างสรรค์ความแปลกใหม่
สินค้าประเภทมะพร้าวที่ประเทศจีนนำเข้าเป็นมูลค่าสูง ได้แก่ มะพร้าวปอกเปลือก น้ำมันมะพร้าว และเครื่องดื่มมะพร้าว โดยในปี 2565 มะพร้าวผลปอกเปลือกเป็นสินค้าที่นำเข้าเป็นปริมาณมากที่สุด 1,070,857 ตัน มูลค่าสูงที่สุด 571 ล้านเหรียญสหรัฐ (20,009 ล้านบาท) รองลงมาคือ น้ำมันมะพร้าว ปริมาณนำเข้า 215,171 ตัน มูลค่านำเข้าประมาณ 409 ล้านเหรียญสหรัฐ (14,333 ล้านบาท) และเครื่องดื่มมะพร้าว ปริมาณนำเข้า 86,684 ตัน มูลค่าประมาณ 124 ล้านเหรียญสหรัฐ (4,345 ล้านบาท) ตามลำดับ (อัตราแลกเปลี่ยนจากดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นบาทไทย (THB) ค่าเฉลี่ย: 35.043 บาท ในช่วง ปี 2565) (ตารางที่ 5) (ฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้, 2565)
ตารางที่ 5 รายการสินค้าประเภทมะพร้าวที่ประเทศจีนนำเข้าในช่วงปี 2564-2565
รายการสินค้า | ปริมาณ (ตัน) | ปริมาณ | มูลค่า (ล้าน USD) | มูลค่า | ||
---|---|---|---|---|---|---|
2564 | 2565 | % | 2564 | 2565 | % | |
มะพร้าวผลปอกเปลือก | 871,984 | 1,070,857 | 23 | 451.79 | 571.34 | 2 |
น้ำมันมะพร้าว | 170,413 | 215,171 | 26 | 275.86 | 409.42 | 4 |
เครื่องดื่มมะพร้าว | 76,872 | 86,684 | 13 | 118.27 | 124.83 | 6 |
กากมะพร้าว หรือ เนื้อมะพร้าวแห้ง | 64,190 | 184,564 | 188 | 16.25 | 52.27 | 222 |
มะพร้าวฝอยอบแห้ง | 19,794 | 24,359 | 23 | 36.12 | 30.74 | -15 |
น้ำมันมะพร้าวดิบ | 3,646 | 3,796 | 4 | 8.21 | 8.64 | 5 |
ผลิตภัณฑ์มะพร้าวอื่นๆ | 346 | 226 | -35 | 0.39 | 0.17 | -57 |
เนื้อมะพร้าวแห้ง | 50 | 0.01 | -100% | 0.05 | 0.0003 | -99 |
ตารางที่ 6 ตารางแสดงปริมาณและมูลค่าการนำเข้ามะพร้าวผลปอกเปลือกของประเทศจีน ปี 2564-2565
ประเทศ | ปริมารการนำเข้า (ตัน) | มูลค่าการนำเข้า (ล้าน USD) | สัดส่วนมูลค่านำเข้า (%) |
||
---|---|---|---|---|---|
2564 | 2565 | 2564 | 2565 | ||
โลก | 871,984 | 1,070,836 | 452 | 571 | 100 |
ไทย | 333,933 | 522,556 | 284 | 416 | 72.90 |
อินโดนีเซีย | 381,457 | 322,388 | 117 | 93 | 16.20 |
เวียดนาม | 131,491 | 221,317 | 42 | 61 | 10.60 |
ฟิลิปปินส์ | 24,982 | 4,282 | 9 | 1 | 0.30 |
มาเลเซีย | 121 | 293 | 0.11 | 0.31 | 0.10 |
มะพร้าวน้ำหอมไม่ใช่ผลไม้ตามฤดูกาล สามารถหาซื้อได้ตลอดทั้งปี ประเทศจีนจึงมีช่วงที่นำเข้ามะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวน้ำหอม ในรูปมะพร้าวผลปอกเปลือกในปริมาณมากอยู่ 3 ช่วง (ตารางที่ 7) รายละเอียด ดังนี้
- ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน
เนื่องจากในช่วงนี้ประเทศจีนยังไม่ค่อยมีผลไม้ออกสู่ตลาด ความหลากหลายของผลไม้ในท้องถิ่นค่อนข้างน้อย และเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในช่วงเดือนมีนาคม และเมษายน ปี 2565 มีปริมาณนำเข้า 40,968 และ 51,442 ตัน ตามลำดับ - ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน
เป็นช่วงประเทศจีนมีอากาศร้อนจัด คนจีนนิยมหาซื้อผลไม้ที่หวานฉ่ำ สดชื่น ทำให้ช่วงนี้เริ่มมีการนำเข้ามะพร้าวอ่อนเพิ่มขึ้น โดยในช่วงเดือนสิงหาคม และกันยายน ปี 2565 มีปริมาณนำเข้า 49,738 และ 57,592 ตัน ตามลำดับ - ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
เนื่องจากประเทศจีนเข้าสู่ฤดูหนาว ภาคเหนือของจีนเริ่มมีอากาศหนาวจัด แต่ภายในอาคารเกือบทุกแห่งเปิดฮีทเตอร์ ทำให้อากาศร้อนและแห้ง ชาวจีนทางตอนเหนือจึงนิยมรับประทานไอศครีมหรือเครื่องดื่มเพื่อแก้กระหาย ซึ่งมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ มีจุดเด่นที่เป็นผลผลิตจากธรรมชาติสะอาดปลอดภัย จึงสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม ปี 2565 มีปริมาณนำเข้า 50,357 และ 44,571 ตัน ตามลำดับ
ตารางที่ 7 ตารางแสดงปริมาณการนำเข้ามะพร้าวอ่อนจากไทยของประเทศจีน ปี 2563-2565 (แยกรายเดือน)
ปริมาณนำเข้า (ตัน) | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ปี 2563 | 8,982 | 8,185 | 14,896 | 14,230 | 6,498 | 9,669 | 23,381 | 32,134 | 37,589 | 30,532 | 26,991 | 32,574 |
ปี 2564 | 21,328 | 19,197 | 29,593 | 30,603 | 20,519 | 13,417 | 20,406 | 32,830 | 38,825 | 28,322 | 38,654 | 40,025 |
ปี 2565 | 51,512 | 33,473 | 40,968 | 51,442 | 35,190 | 27,554 | 35,091 | 49,738 | 57,592 | 45,093 | 50,357 | 44,571 |
รูปแบบปริมาณการนำเข้ามะพร้าวไทยของประเทศจีนในแต่ละปีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ซึ่งการขนส่งมะพร้าวไทยส่วนใหญ่เป็นการขนส่งทางทะเลจากท่าเรือแหลมฉบังมายังท่าเรือที่สำคัญในประเทศจีน มีระยะเวลาขนส่ง 7-15 วัน ปกติแล้วมะพร้าวสามารถเก็บได้ประมาณ 15-60 วัน ในอุณหภูมิ 2-4 องศาเซลเซียส แต่จากข้อมูลผู้ประกอบการในนครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า มะพร้าวสามารถเก็บได้ 15-30 วัน โดยที่ระยะเวลาการเก็บ 15 วัน จะเป็นช่วงที่มะพร้าวมีรสชาติคงสภาพอร่อย แต่หากเกิน 30 วัน คุณภาพลดลงและมีรสชาติเปลี่ยนไป
สำหรับสินค้าเครื่องดื่มมะพร้าวที่มีจำหน่ายในประเทศจีนส่วนใหญ่ มี 3 ประเภท ได้แก่ น้ำมะพร้าวสด น้ำนมมะพร้าว และกะทิ ปี 2565 ประเทศจีนนำเข้าสินค้าเครื่องดื่มมะพร้าวจากประเทศอินโดนีเซียมูลค่ามากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 44.2 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการนำเข้าเครื่องดื่มมะพร้าว รองลงมา คือ เวียดนาม สัดส่วน 41.6 เปอร์เซ็นต์ สำหรับด้านปริมาณนำเข้า ประเทศจีนนำเข้าจากเวียดนาม เป็นอันดับหนึ่ง (ปริมาณ 45,775 ตัน) รองลงมาจากอินโดนีเซีย (ปริมาณ 31,182 ตัน) และจีนนำเข้าเครื่องดื่มมะพร้าวจากไทย เป็นอันดับที่ 3 ทั้งเชิงปริมาณและมูลค่า โดยมีสัดส่วนมูลค่าอยู่ที่10.5 เปอร์เซ็นต์ (ตารางที่ 8)
ตารางที่ 8 ตารางแสดงปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเครื่องดื่มมะพร้าวของประเทศจีน ปี 2564-2565
ประเทศ | ปริมาณการนำเข้า (ตัน) | มูลค่าการนำเข้า (ล้าน USD) | สัดส่วน มูลค่านำเข้า (%) |
||
---|---|---|---|---|---|
2564 | 2565 | 2564 | 2565 | ||
โลก | 76,872 | 86,684 | 118.27 | 124.83 | 100 |
อินโดนีเซีย | 28,040 | 31,182 | 47.98 | 55.16 | 44.20 |
เวียดนาม | 38,036 | 45,775 | 50.73 | 51.89 | 41.60 |
ไทย | 7,024 | 7,064 | 13.24 | 13.11 | 10.50 |
มาเลเซีย | 3,518 | 2,198 | 5.79 | 3.69 | 3 |
ฟิลิปปินส์ | 245 | 433 | 0.51 | 0.92 | 0.70 |
อื่นๆ | 9 | 31 | 0.03 | 0.06 | 0.05 |
ห่วงโซ่อุปทานมะพร้าวน้ำหอม
ปัจจุบันความต้องการมะพร้าวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวน้ำหอมเพิ่มสูงขึ้นทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตมะพร้าวที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการต่อผู้บริโภค รวมทั้งเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้ ดังนั้นการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อวิเคราะห์โอกาสทางการค้าและการลงทุน จึงจำเป็นต้องศึกษาถึงห่วงโซ่อุปทานของสินค้าเกษตรชนิดนั้น หฤทัย (2562) ได้กล่าวถึง ห่วงโซ่อุปทานมะพร้าวน้ำหอม ว่าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับในแนวดิ่ง ได้แก่ ระดับต้นน้ำ (upstream) ระดับกลางน้ำ (midstream) และระดับปลายน้ำ (downstream) รายละเอียด ดังนี้
- ระดับต้นน้ำ ผู้เกี่ยวข้องระดับต้นน้ำที่สำคัญที่สุด คือ เกษตรกรชาวสวนมะพร้าว ซึ่งเป็นห่วงโซ่อุปทานสำคัญที่สุด เป็นจุดเริ่มต้นของผลผลิตเพื่อไปสู่ผู้บริโภคขั้นท้ายสุด โดยผ่านกลไกตลาด โดยเกษตรกรนำผลผลิตซื้อขายในตลาดโดยตรง และผ่านพันธสัญญากับ ล้งพ่อค้าคนกลาง และผู้ซื้อในตลาดกลางน้ำ ซึ่งเป็นพ่อค้าขายส่ง พ่อค้าส่งออก หรือโรงงานแปรรูปมะพร้าว รูปแบบการซื้อขายผลผลิตมะพร้าวน้ำหอมของเกษตรกร มี 5 รูปแบบ คือ เกษตรกรอิสระ เกษตรกรในพันธสัญญาผูกพัน (contract farming) เกษตรกรรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน บริษัท และ/หรือโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าวเป็นเจ้าของสวนมะพร้าวของตนเอง และล้งมะพร้าวเป็นเจ้าของสวนเอง
- ระดับกลางน้ำ ผู้เกี่ยวข้องระดับกลางน้ำ คือ ผู้รวบรวมผลผลิต รับซื้อจากเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ หรือใช้ในการแปรรูปหรือผลิตเป็นสินค้า ซึ่งได้แก่ โรงงานแปรรูป ล้งพ่อค้าคนกลาง วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรอิสระผู้ขายและส่งออกเอง
- ระดับปลายน้ำ ในระดับปลายน้ำ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผลผลิตที่สำคัญ คือ พ่อค้าขายปลีก พ่อค้าขายส่ง และผู้ส่งออก โดยผ่านตลาดภายในประเทศ เพื่อส่งต่อมะพร้าวทั้งสด และในรูปผลิตภัณฑ์แปรรูปแล้วไปยังผู้บริโภค
ปัญหาที่มักพบมากในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยราวเดือน เมษายน-พฤษภาคม ทำให้ผลผลิตขาดตลาด และมีราคาสูงขึ้นกว่าช่วงปกติมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเกิดผลแตกพบได้ 2 ลักษณะ คือผลเกิดการแตกตั้งแต่ระหว่างกระบวนการพัฒนาผล และการแตกระหว่างกระบวนการตัดแต่งปอกเจียนทำให้ผลผลิตเกิดการสูญเสียเป็นจำนวนมาก การเกิดสีน้ำตาลที่ผิวผล และปัญหากลิ่นผิดปกติระหว่างการเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ปัญหาและอุปสรรคหลักของกลุ่มเกษตรกรในการทำ สวนมะพร้าว คือ ต้นมะพร้าวส่วนใหญ่ของพื้นที่เพาะปลูกในประเทศไทย เป็นต้นมะพร้าวที่มีอายุมาก ขาดแคลนมะพร้าวพันธุ์ดีมีคุณภาพ เกษตรกรบางส่วนจึงหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นทดแทน และปัญหาการระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าว เช่น แมลงดำหนามมะพร้าว หนอนหัวดำมะพร้าว ด้วงแรดมะพร้าว และด้วงงวงมะพร้าว เป็นต้น รวมไปถึงปัญหาสภาพภูมิอากาศไม่เอื้อต่อการติดดอกออกผลในบางปีทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ปัญหาเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคในการส่งออกมะพร้าวน้ำหอมไปยังต่างประเทศ ถึงแม้ว่ามะพร้าวน้ำหอมจะคงมีปัญหาบางส่วนในระบบการผลิต หากมีพันธุ์ดี และการจัดการที่เหมาะสมแล้ว ก็จะสามารถพัฒนากระบวนการผลิตของมะพร้าวน้ำหอมไทยให้มีคุณภาพ และส่งออกผลผลิตคุณภาพไปยังต่างประเทศได้ (คณะทำงานจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, 2564) (ภาพที่ 6)
ผลผลิตที่ส่งออกควรผลิตเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละรายประเทศ อาทิผู้บริโภคในสหภาพยุโรปนิยมมะพร้าวน้ำหอม ที่มีเนื้อชั้นครึ่งด้านหน้าเป็นวุ้น รสหวาน สามารถช้อนเนื้อเพื่อรับประทานได้ ชาวจีนที่เมืองเซินเจิ้นและนครเซี่ยงไฮ้ของสาธารณรัฐประชาชนจีนมีกำลังซื้อค่อนข้างมากและมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ชอบลิ้มลองยินดีจับจ่ายสินค้านำเข้า ตลอดจนสินค้าระดับพรีเมี่ยม เป็นต้น โดยผลผลิตส่งออกไปทางเรือมากที่สุดประมาณ 75-80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผลผลิตที่มีอายุสั้นและมูลค่าสูงจะถูกส่งทางอากาศ ประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์